Server & Storage

Server & Storage
หัวใจของระบบไอทีธุรกิจ

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลคือทรัพยากรสำคัญที่สุดขององค์กร การมีระบบ Server และ Storage ที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคงและปลอดภัย

Server ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประมวลผล จัดการ และให้บริการข้อมูลหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ แก่ผู้ใช้งาน ขณะที่ Storage เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา

การออกแบบระบบ Server & Storage ที่ดี จะช่วยให้องค์กร

  • จัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต

  • ลดความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูล

  • เพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของระบบ

 

 

  • ธุรกิจที่มีการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก เช่น ไฟล์งาน เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ หรือฐานข้อมูลลูกค้า ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่าย
  • องค์กรที่ใช้ระบบงานหรือแอปพลิเคชันภายใน เช่น ระบบบัญชี, ERP, CRM หรือซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ต้องใช้ Server เพื่อให้บริการภายในองค์กร
  • บริษัทที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูล เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการระบบสำรองข้อมูล, การเข้ารหัส, หรือการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลระดับสูง
  • ผู้ให้บริการออนไลน์ / เว็บไซต์ / E-Commerce ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล และความเสถียรของระบบเพื่อรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก
  • องค์กรที่กำลังขยายตัว ต้องการระบบ IT ที่รองรับการเติบโตของธุรกิจ และสามารถอัปเกรดระบบได้ในอนาคต

Server AI

Server AI เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาเพื่อประมวลผลข้อมูลและงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ มีการใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สามารถรองรับการคำนวณที่ซับซ้อน เช่น การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (big data), การฝึกโมเดล machine learning, และการทำงาน deep learning

ความสำคัญของ Server AI ในปัจจุบัน:

  1. การประมวลผล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง: Server AI ใช้ฮาร์ดแวร์เฉพาะ เช่น GPU หรือ TPU (Tensor Processing Unit) ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการคำนวณที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะการประมวลผลแบบขนานที่ใช้ใน AI เช่น การฝึกโมเดล deep learning ที่ต้องใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์จำนวนมาก
  2. การใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม: AI server มีความสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น
    • การแพทย์: ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการคาดการณ์การรักษา
    • ธุรกิจและการเงิน: ใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า, การตรวจจับการทุจริต, และการคาดการณ์ตลาด
    • เทคโนโลยี: ช่วยในงานพัฒนา AI เช่น การทำ chatbot, การรู้จำภาพและเสียง, และการแปลภาษา
  3. การเร่งความเร็วในการพัฒนา AI: Server AI ช่วยให้สามารถฝึกโมเดลได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถประมวลผลข้อมูลในแบบเรียลไทม์ ซึ่งสำคัญสำหรับการทำงานที่ต้องการความเร็ว เช่น ระบบแนะนำสินค้า (recommendation systems) หรือการตอบสนองอัตโนมัติ

เหมาะกับใคร:

  1. นักวิจัยและผู้พัฒนา AI: Server AI เหมาะสำหรับนักวิจัยที่ต้องการทรัพยากรในการฝึกและปรับปรุงโมเดล AI เช่น การสร้างโมเดลใหม่ๆ ในด้านการรู้จำภาพ, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการทำนาย
  2. องค์กรที่ใช้ AI ในกระบวนการธุรกิจ: ธุรกิจที่ใช้ AI ในการตัดสินใจหรือกระบวนการอัตโนมัติต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากการใช้ Server AI เพื่อประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
  3. บริษัทเทคโนโลยีและบริการคลาวด์: บริษัทเหล่านี้อาจให้บริการ AI แก่ลูกค้าผ่านเซิร์ฟเวอร์ AI ไม่ว่าจะเป็นการฝึกโมเดล AI หรือการใช้งาน AI ที่พร้อมใช้งานเพื่อช่วยธุรกิจต่างๆ

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • Google ใช้ Server AI ในบริการคลาวด์เพื่อประมวลผลโมเดลการแปลภาษาและการค้นหาข้อมูล
  • Tesla ใช้ AI server ในการประมวลผลข้อมูลจากรถยนต์เพื่อพัฒนา AI สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ

Server AI มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI และช่วยในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมาก
 

Storage AI
ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลและการทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล โดยการใช้ AI สามารถทำให้ระบบจัดเก็บข้อมูลมีประสิทธิภาพและชาญฉลาดมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์, การจัดเรียง, การป้องกันความเสี่ยง, และการจัดการข้อมูลในปริมาณมาก
ความสำคัญของ Storage AI ในปัจจุบัน:
  1. การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data): ในยุคดิจิทัล ข้อมูลมีจำนวนมากและมีความหลากหลาย การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นความท้าทาย Storage AI ช่วยในกระบวนการนี้ โดยการจัดเก็บ, จัดระเบียบ, และค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การคัดแยกข้อมูลที่ไม่จำเป็นและการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ
  2. การป้องกันและตรวจจับความผิดพลาด: AI ในระบบจัดเก็บข้อมูลสามารถตรวจจับความผิดปกติและความล้มเหลวในระบบได้แบบเรียลไทม์ เช่น การตรวจจับความเสี่ยงในการสูญหายของข้อมูล, การตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ที่อาจจะเสียหาย เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลที่สำคัญ
  3. การเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล: Storage AI ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์และจัดเรียงข้อมูลให้เหมาะสมกับการใช้งาน ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ทันที เช่น การค้นหาไฟล์ที่เกี่ยวข้องหรือการแนะนำข้อมูลที่ต้องการ
  4. การลดต้นทุนการจัดการข้อมูล: การใช้ AI ช่วยในการจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การบีบอัดข้อมูลอัตโนมัติ, การเคลื่อนย้ายข้อมูลไปยัง storage ระดับที่เหมาะสม หรือการลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการจัดการข้อมูลและลดการใช้พื้นที่จัดเก็บ
  5. การสนับสนุนระบบจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์: Storage AI ช่วยให้การจัดการข้อมูลบนคลาวด์มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การทำงานร่วมกับบริการจัดเก็บข้อมูลคลาวด์เพื่อจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรคลาวด์ และช่วยให้การกู้คืนข้อมูลหรือสำรองข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น

เหมาะกับใคร:
  1. องค์กรขนาดใหญ่และขนาดกลาง: Storage AI เหมาะกับองค์กรที่มีการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูล, การตลาด, การธนาคาร, การแพทย์ และอุตสาหกรรมที่ต้องการการจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสูง
  2. ผู้ให้บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูล (Data Center): บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลมักใช้ Storage AI เพื่อจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงให้บริการลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
  3. ธุรกิจที่ใช้ AI หรือ Machine Learning: สำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ AI หรือ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและฝึกฝนโมเดล, Storage AI ช่วยในการจัดการข้อมูลดิบและการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝนโมเดล AI จะต้องการระบบที่สามารถเก็บและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างการใช้งาน:
  • อุตสาหกรรมการแพทย์: Storage AI สามารถจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย เช่น การจัดเรียงข้อมูลภาพ MRI หรือข้อมูลทางพันธุกรรมที่มีขนาดใหญ่ เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและรวดเร็ว
  • ธนาคารและการเงิน: ระบบจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ AI ช่วยในการตรวจจับการทุจริตและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เช่น การติดตามการทำธุรกรรมเพื่อระบุรูปแบบที่อาจเป็นอันตราย
  • ธุรกิจ E-commerce: ใช้ AI เพื่อจัดการข้อมูลสินค้าหรือข้อมูลการใช้งานของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อเพื่อนำไปสู่การแนะนำสินค้า
Storage AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการจัดการข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในยุคดิจิทัล ช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

Dell Technologies มีผลิตภัณฑ์ด้านการจัดเก็บข้อมูลที่รองรับการทำงานกับ AI และ Machine Learning ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง ตัวอย่างของรุ่นที่รองรับการใช้งานในด้าน AI มีดังนี้:

1. Dell EMC PowerScale (Isilon)

  • รายละเอียด: PowerScale (หรือเดิมเรียกว่า Isilon) เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบไฟล์ (scale-out NAS) ที่รองรับการขยายตัวและจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดี เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบ unstructured data เช่น ข้อมูลจาก AI, machine learning, และ big data
  • ความเหมาะสมสำหรับ AI: PowerScale สามารถจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ที่ใช้ในงานฝึกโมเดล AI และการวิเคราะห์ข้อมูลได้ มีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและความสามารถในการสเกลขยายขนาด storage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดเก็บและจัดการข้อมูล unstructured data ขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลภาพและเสียงที่ใช้ในการฝึก AI

2. Dell EMC PowerStore

  • รายละเอียด: PowerStore เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ All-Flash Storage ที่รองรับการทำงานหลายเวิร์กโหลดพร้อมกัน มีประสิทธิภาพสูงและการจัดการข้อมูลที่ชาญฉลาดด้วยความเร็วสูง
  • ความเหมาะสมสำหรับ AI: ด้วยการใช้งาน SSD และการเชื่อมต่อที่มีความเร็วสูง PowerStore จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วและรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI หรือ machine learning โดยการใช้งาน AI analytics สามารถทำงานควบคู่กับเวิร์กโหลดอื่นได้อย่างราบรื่น
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการประมวลผล AI, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการความเร็วสูง เช่น อุตสาหกรรมการเงิน การแพทย์ และการผลิต

3. Dell EMC Unity XT

  • รายละเอียด: Unity XT เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Unified Storage ที่รองรับการใช้งานทั้งแบบ block และ file เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการการจัดเก็บข้อมูลแบบหลายโปรโตคอล (multi-protocol) และการทำงานที่รวดเร็ว
  • ความเหมาะสมสำหรับ AI: Unity XT รองรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูงและสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับงาน AI และ machine learning ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลทั้งในรูปแบบ structured และ unstructured ซึ่งสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อม AI ได้

การใช้งาน Storage AI ของ Dell เหมาะสำหรับใคร:

  • องค์กรขนาดใหญ่และขนาดกลาง: เช่น ศูนย์วิจัย AI, ธนาคาร, อุตสาหกรรมการแพทย์, และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ big data และการวิเคราะห์ข้อมูล
  • นักวิจัย AI และผู้พัฒนา machine learning: ที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่สามารถรองรับปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่และการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อฝึกฝนและทดสอบโมเดล AI

Veritas

Veeam

VMware

HPE

Dell

Share :

เราช่วยคุณได้